คนลองของ - คนลองของ นิยาย คนลองของ : Dek-D.com - Writer

    คนลองของ

    เรื่องของผีกับคนอยู่กันคนละโลกก็ดีแล้ว อย่ามาก้าวก่ายกันดีกว่า ผีหลอกแล้วจะหาว่าไม่เตือน!!!!

    ผู้เข้าชมรวม

    738

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    738

    ความคิดเห็น


    9

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  27 พ.ย. 48 / 19:13 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      สมัยนี้กิจกรรมอย่างหนึ่งที่วัยรุ่นชอบทำตอนกลางคืน นอกจากเที่ยวเตร่ตามผับบาร์แล้วนั้นก็คือการไปตามที่ต่างๆที่ผู้คนชอบบอกว่ามีสิ่งลี้ลับอยู่เพื่อค้นหาคำตอบและหวังว่าจะเจอสิ่งที่เรียกว่า”ผี”
              ในคืนสงัดผมกับเพื่อนอีกสองคนได้พากันไปนั่งคุยกันที่ป่าช้าหลังวัด วัดหนึ่ง…..
      “เอ็งเคยเชื่อเรื่องผีมั้ยว่ะไอ้เต้ย”  ผมเป็นคนเริ่มการสนทนา
      “ข้าไม่เคยเชื่อเลยว่ะ  จริงๆนะตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วตอนที่ข้ายังเป็นเด็กวัดอยู่ ใครๆก็ลือกันว่าป่าช้าวัดที่ข้าเคยอยู่นั้นผีดุ ผีเฮี้ยนบ้างแต่จนแล้วจนเล่าข้าก็ไม่เคยเจอซักที จนข้าย้ายออกมาเรียนที่กรุงเทพเนี่ย”
      “ แล้วเอ็งล่ะ ไอ้เปี๊ยกเอ็งเชื่อหรือเปล่าเรื่องผีน่ะ” ผมหันมาถามไอ้เปี๊ยก
      “สำหรับข้านะ ข้าไม่เชื่อแต่ก็ไม่ลบหลู่ว่ะเพราะเมื่อก่อนแถวบ้านข้าเคยมีคนตายตรงทางสามแพ่ง หลังจากนั้นคนก็ลือกันว่าเวลาขี่รถผ่านสามแยกตอนกลางคืนทีไร จะเห็นเป็นคนมายืนโบกรถ แล้วถามว่าจะไปไหนหรือบางคันที่เป็นมอเตอร์ไซต์ขี่มาคนเดียวอยู่ดีๆพอผ่านสามแยกเท่านั้นแหละ ก็มีคนขึ้นมานั่งซ้อนท้ายเฉยเลยแล้วบอกให้ไปส่งบ้านให้หน่อย   ฮึย!! นี่ข้านึกถึงเค้าเล่าแล้วข้ายังขนลุกเลย ขนาดไม่รู้ว่าเรื่องนี้จริงหรือเปล่านะเนี่ย”  ไอ้เปี๊ยกพูดพลางขนลุกไปด้วย ทำให้บรรยากาศน่ากลัวขึ้นมาทันทีผมเองเลยคิดกลัวตามมันไปด้วยเลย
      “แล้วเอ็งล่ะไอ้นิ เอ็งเชื่อหรือเปล่าว่ะ”  ไอ้เต้ยมันหันมาถามผมบ้าง
      “ข้าเหรอ เชื่อว่ะว่าผีมีจริงแต่ข้าก็ไม่กลัว “ ผมตอบออกไป
      “แหม ปากดีนะเอ็ง ถ้ามาจริงๆแล้วข้าจะหัวเราะให้”  ไอ้เปี๊ยกพูดเย้ยใส่ผม
      “มาก็ดีเด่ะ ข้าจะเตะผีให้พวกเอ็งดูเลย” ผมพูดอวดให้พวกมันฟัง
      “แต่เดี๋ยวก่อนนะเว้ยข้าลืมไปว่า ข้าคิดว่าเคยเจอผีอยู่ครั้งนึงแต่ไม่แน่ใจว่าชัวร์หรือเปล่า” ไอ้เปี๊ยกพูกขัดขึ้นมาทำให้บรรยากาศดูอึมครึมขึ้นทันที
      “ อะไรว่ะไอ้เปี๊ยก เอ็งเคยเจอเหรอ” ไอ้เต้ยถามขึ้น
      “เออว่ะ ตอนนั้นข้าไปที่บ้านพี่ชายข้าที่นนทบุรี   พอดีพี่ข้าต้องออกไปทำงานตอนกลางคืนข้าก็เลยต้องเฝ้าบ้านคนเดียว หมู่บ้านที่พี่ข้าอยู่นั้นมันเพิ่งจะสร้างแล้วคนก็มาอยู่กันน้อยเพราะเพิ่งจะขาย อีกอย่างทำเลก็ไม่ดีเลยทำให้บริเวณรอบบ้านของพี่ข้ามีแต่บ้านร้างไม่มีคนอยู่   ต้องถัดไปอีกห้าหกหลังถึงจะมีคนเลยทำให้แถวบ้านพี่ข้าเงียบมากในตอนกลางคืน   คืนนั้นข้าปิดไฟนอนตอนประมาณห้าทุ่มเกือบเที่ยงคืนเห็นจะได้ นอนไปซักพักข้าก็ได้ยินเสียงคนพูดกันแต่ไม่รู้ว่าพูดอะไรเพราะเสียงมันเบา  ก็เลยลุกขึ้นมาดูแต่ไม่เปิดไฟนะเว้ยเพราะข้าคิดว่าถ้าเป็นขโมยจะได้ไม่รู้ตัวเพราะแสงไฟ     แต่พอข้าย่องลงมาดูทั่วบ้านก็ไม่มีอะไร แต่เสียงมันก็ยังแว่วเข้าหูข้าอยู่ตลอด   เอ….มันชักจะยังไงแล้วก็เลยแอบเปิดผ้าม่านมองไปบ้านข้างๆ   พอข้ามองไปเท่านั้นแหละข้าเห็นคนอยู่บนชั้นสองของบ้านร้างกันเต็มเลยมีแสงไฟส่องวูบวาบไปมา  ซักพักสายตาประมาณสิบกว่าคู่ได้มั้ง ก็จ้องมาที่บ้านข้ากันทั้งหมด ขนข้าลุกเลยกลัวมากตอนนั้น ในใจก็คิดว่าเอาแล้วข้าเจอของดีแน่แล้ว   ข้าท่องนโมไม่รู้กี่จบ แต่มันก็ยังได้ยินเสียงแว่วเข้าหูอยู่อย่างนั้นตลอดไม่ไปไหนซักที   ตอนนั้นข้าคิดเลยว่าไหนพี่ข้าบอกว่าไม่มีใครอยู่เลยแถวนี้   แล้วไอ้ที่ข้าเจออยู่ตอนนี้เป็นสิบมันคืออะไรว่ะ  แถมก่อนมานอนบ้านพี่ข้าก็ได้ฟังคนเค้าเล่าเรื่องผีที่ตายหมู่แถวเมืองนนท์ ซะด้วย    เล่นเอาข้ากลัวแทบตายเลยคืนนั้น  พอเช้ามาพี่ข้ากลับมาถึงบ้านข้าเล่าเรื่องนี้ให้พี่ข้าฟังพี่ข้าก็เลยเอายันต์จากวัดแถวบ้าน มาแปะไว้หน้าประตู และแอบเอาไปแปะไว้บ้านร้างข้างๆที่ข้าเล่าให้พี่ข้าฟังด้วย เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละ”
      “ โห…ไอ้เปี๊ยกเอ็งเจอทีเป็นสิบเลยหรือว่ะ  เก่งว่ะที่รอดมาได้” ผมพูดยอไอ้เปี๊ยกมัน
      “ เอ็งกลัวไปเองหรือเปล่าว่ะไอ้เปี๊ยก อาจจะเป็นคนก็ได้” ไอ้เต้ยพูดขัดความคิดขึ้นมา
      “ผีกะเตี่ยเอ็งนะซิ!!  ก็พี่ข้าก็บอกอยู่ว่าบ้านแถวนั้นไม่มีคนอยู่ไม่มีใครซื้อแล้วคนจะมาจากไหนกันเยอะแยะขนาดนั้นตอนกลางคืน อีกอย่างถ้าคนจะมาอยู่ก็มาอยู่ไม่ได้เพราะว่าบ้านหลังข้างๆนั้นมันยังไม่ได้ต่อไฟต่อน้ำเข้าไปเลย” ไอ้เปี๊ยกพูดใส่ไอ้เต้ยในขณะที่ผมก็กำลังฟังมันทั้งคู่เถียงกันอย่างออกรส
      “ แล้วเตี่ยข้ามาเกี่ยวอะไรด้วยว่ะ” ไอ้เต้ยมันยั้วะที่ไอ้เปี๊ยกเอาเตี่ยมันมาพูด
      “ก็เอ็งเสือกเถียงข้าทำไมล่ะไอ้เต้ยข้าอุตสาห์เล่าให้ฟังดีๆ” ไอ้เปี๊ยกพูดสวน
      “เอาน่า พวกเอ็งสองคนจะเถียงกันทำไมว่ะกับอีแค่เรื่องผีเนี่ย” ผมพูดเพื่อที่จะหยุดทั้งสองไม่ให้จากการเล่าเรื่องผี กลายเป็นการด่ากัน
            
            เวลาก็เลยผ่านมาจนตอนนี้เกือบจะตีหนึ่งพวกผมก็นั่งคุยกันอยู่อย่างสนุกถึงเรื่องต่างๆที่ผ่านมาในอดีตของพวกเราไม่ว่าจะเป็นเรื่องแฟนเรื่องทางบ้าน ไอ้เต้ยมันก็เลยปรับทุกข์กับพวกเราเรื่องแฟนของมันขึ้นมาอย่างโศกเศร้าทีเดียว
      “ข้านะเว้ยทำเพื่อแฟนข้าทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะหาเงินให้ใช้ ไปรับไปส่ง ซื้อโทรศัพท์ ออกค่าเช่าห้อง ค่าใช้จ่ายจิปาถะ ข้าเป็นคนหามาให้หมด  ก็หวังว่าแฟนข้าจะรักข้าคนเดียว จริงๆนะข้าขอแค่แฟนข้ารักข้าเท่านั้น ข้าจะยอมทำทุกอย่างเลย แต่ที่ไหนได้เงินที่ข้าหามามันกับเอาไปให้ผู้ชายอีกคนนึง เวลาที่ไม่ได้อยู่กับข้า แฟนข้าก็ไปอยู่กับผู้ชายอื่น ค่าโทรศัพท์ที่ข้าจ่ายให้หลายพันต่อเดือนมันก็หมดไปกับการที่เอาไปคุยกับผู้ชายคนอื่น  ข้าก็เลยแค้นมากที่มันหลอกข้าได้ขนาดนี้ “  ไอ้เต้ยพูดน้ำเสียงโกรธแค้นผมก็เลยถามมันด้วยความอยากรู้
      “แล้วเอ็งทำยังไงล่ะ เลิกหรือยังจะคบอยู่”
      “ข้าก็เลิกเด่ะ ทำกับข้าขนาดนี้ถึงรักยังไงก็ไม่ไหวหรอก แต่ก่อนที่ข้าจะเลิกข้าก็ทำกับมันทั้งสองไว้เจ็บเหมือนกัน” ไอ้เต้ยพูดอย่างสะใจ
      “ทำอะไรว่ะ” ไอ้เปี๊ยกถาม
      “ข้าก็จับมันทั้งคู่ยัดกระสอบแล้วก็ถ่วงเจ้าพระยา ก็แค่นั้น”
      “เฮ้ย!! ไอ้เต้ยเอ็งพูดเล่นหรือเปล่า เอ็งไม่กลัวบาปเหรอ” ไอ้เปี๊ยกถามอย่างตกใจและผมเองก็ตกใจไปด้วยกับที่ไอ้เต้ยมันพูด
      “ในตอนนั้นบาปข้าไม่กลัวหรอกเว้ย   ข้าแค้นมากก็เลยพลั้งมือทำลงไปแต่พอมานั่งคิดดูอีกทีก็สำนึกได้ว่าทำอะไรลงไป  ซึ่งมันก็สายไปแล้ว”
      “เอ็งไม่น่าเลยว่ะไอ้เต้ย น่าจะคิดให้รอบคอบหน่อยเอ็ง” ไอ้เปี๊ยกพูด
      “เอาน่าตอนนั้นไอ้เต้ยมันแค้นมากก็เลยลงมือทำด้วยอารมณ์โกรธ อย่างน้อยตอนนี้มันก็สำนึกแล้วถึงมันจะสายก็เถอะ” ผมพูดกับไอ้เปี๊ยกพร้อมให้กำลังใจไอ้เต้ยมันที่ดูหดหู่ขึ้นทันทีที่มันเล่าเรื่องนี้ขึ้นมา
      “แล้วเอ็งล่ะไอ้นิ  ไม่เห็นบอกพวกข้าเลยว่าเอ็งคิดยังไงถึงได้ไปฆ่าผู้หญิงคนนั้นได้”  ไอ้เปี๊ยกถามผมขึ้น
      “ ก็ไม่มีอะไรมากหรอก สาเหตุของเรื่องมันก็คล้ายๆกับเรื่องของไอ้เต้ยนะแหละ แต่พอดีว่าข้าใช้วิธีคนละอย่างกับของมันจัดการปัญหา ข้าถึงได้เข้าใจไอ้เต้ยไงล่ะว่ามันรู้สึกยังไง” ผมตอบออกไปให้ไอ้เปี๊ยกได้หายสงสัย
      “แล้วเอ็งใช้วิธีอะไรล่ะ” ไอ้เปี๊ยกถามต่อ
      “ข้าเคยเล่าให้เอ็งฟังแล้วไม่ใช่เหรอว่าข้าเป็นนักศึกษาแพทย์ เรื่องกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูกของมนุษย์เนี่ยข้าก็รู้ดี   ข้าก็เลยใช้วิธีที่ข้าถนัดจัดการกับผู้หญิงคนนั้นซะ”  
      “เอ็งอย่าบอกข้านะว่าเอ็ง ฆ่าหั่นศพ!!!” ไอ้เปี๊ยกกับไอ้เต้ยต่างก็พูดพร้อมกันอย่างเสียงดัง
      “เออ ก็ข้ารู้แค่วิธีนี้นี่หว่า”  
      “ เอ็งโหดว่ะไอ้นิ”  ไอ้เต้ยอุทานขึ้น
      “แต่ยังน้อยกว่าไอ้เปี๊ยกนะเว้ย” ผมพูดขึ้น
      “น้อยกว่ายังไงว่ะ” ไอ้เต้ยถามผมเพราะสงสัยขึ้นมา
      “ก็ไอ้เปี๊ยกมันเล่นฆ่ายกครอบครัวเลยอะเด่ะ  โหดชิบไม่รู้ใจคอทำด้วยอะไร” ผมพูดพร้อมหันไปมองหน้าไอ้เปี๊ยก
      “พวกเอ็งอย่ามามองหน้าข้าแบบนี้นะ ก็ตอนนั้นข้าควบคุมอารมณ์ไม่ได้นี่หว่ามันก็เหมือนกับเอ็งทั้งสองนั่นแหละทำไปโดยอารมณ์ชั่ววูบ” ไอ้เปี๊ยกแก้ตัว
      “ข้าก็ไม่ได้ว่าอะไรเอ็งซักหน่อย”
              ในชั่วเวลานั้นเองเสียงของฝีเท้าหลายคู่ก็ดังขึ้น  ประมาณว่าหลายคนเลยทีเดียวซักพักก็มีแสงไฟจากไฟฉายส่องกวาดไปมา เริ่มมีเสียงของผู้คนดังแว่วมาแต่ไกล ผมจึงหันไปพูดกับไอ้เปี๊ยกและไอ้เต้ย
      “เฮ้ย เราแยกย้ายกันก่อนดีกว่าว่ะ ไอ้พวกนี้มันมากันอีกแล้ว”
      “ เออไปก็ดี ไม่รู้ว่าไอ้พวกนี้มันจะอะไรกันนักกันหนา กลางค่ำกลางคืนยังจะมากันอยู่ได้” ไอ้เต้ยพูดขึ้นอย่างรำคาญ
      “ เดี๋ยวข้าก็เล่นให้หัวโกร๋นซะเลยไอ้พวกนี้ น่ารำคาญจริงๆ” ไอ้เปี๊ยกพูดขึ้น
      “เอาน่า อย่าให้พวกนั้นมันเห็นจะดีกว่าจะได้สงบๆหน่อย” ผมพูดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะแยกย้ายกัน

      หลายนาทีต่อมา
      “พี่ตากล้องพร้อมยัง?”
      “โอเค เริ่มได้เลย สาม…สอง….หนึ่ง”
      ชายผู้มีเสียงแหบแห้งก็เริ่มต้นพูดขึ้น      
      “ครับสวัสดีครับท่านผู้ชม ผม กมล  ทองพลุบ มาพบท่านผู้ชมอีกเช่นเคยในช่วงลองของ และในวันนี้ผมจะพาท่านผู้ชมกับน้องๆที่อาสามาลองของกับทางรายการเรา  มากันที่ป่าช้าวัดหนึ่ง ซึ่งเป็นที่เก็บศพของนักโทษประหารที่ก่อคดีดังๆในประเทศ เช่น นายเปี๊ยกที่ฆ่ายกครอบครัว  หรือนายนิฆ่าหั่นศพ  และนายเต้ยที่ฆ่าแฟนสาวกับชู้ยัดกระสอบ   ซึ่งมีชาวบ้านแถวนี้ลือกันว่า ป่าช้าแห่งนี้มีผีออกมาหลอกหลอนให้เห็นเป็นประจำเราจะมาลองของกันดูนะครับว่าผีจะมีจริงหรือเปล่า …………….อ่ะ!!!ท่านผู้ชมครับ!!!เครื่องตรวจจับสามารถวัดคลื่นพลังในบริเวณนี้ได้ครับ  ขึ้นไปเรื่อยๆแล้วครับ!!!!!”
      …………………………
      ………………………….
      “ครับท่านผู้ชมครับ และในวันนี้เราก็ไม่พบเจออะไรที่เป็นสิ่งผิดปกติเลย มีเพียงบางช่วงที่เครื่องสามารถวัดค่าคลื่นพลังได้เท่านั้น   ผมจึงต้องขอบคุณน้องๆที่มาร่วมรายการในช่วงลองของ และคราวหน้าอย่าลืมติดตามดูนะครับเพราะว่าเราจะไปลองของกันที่เมืองนนท์ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ติดตามให้ได้นะครับวันนี้ลาไปก่อนครับ”


      .............จบ.............
      ยังมีเรื่องสั้นอีกหลายเรื่องให้ได้อ่านกันอีกเพียง พิมพ์คำว่า เชือกผูกลม ลงในช่องค้นหานักเขียนก็จะพบเรื่องสั้นหลากหลายให้อ่านกัน

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×